Nissan Kicks e-Power 2020 vs Toyota Corolla Cross 2020 สองครอสโอเวอร์กระแสแรงแห่งยุค โดดเด่นที่ความสะดวกสบาย พร้อมขุมพลังทางเลือกที่ประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในปัจจุบันคนไทยเริ่มตื่นตัวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น หลายแบรนด์เริ่มนำเอารถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่าย แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่า ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยนั้นไม่ถูก สถานีชาร์จก็ยังไม่ครอบคลุมเท่าปั๊มน้ำมัน ทำให้เป็นข้อจำกัดในการเดินทางไกลๆ รถยนต์ไฟฟ้าจึงเหมาะสำหรับใช้ในเมืองและเหมาะกับลูกค้าที่มีกำลังซื้อเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมืองไทยเรามีรถยนต์ไฮบริดวางจำหน่ายมานานแล้ว รถยนต์ประเภทนี้ตอบโจทย์การใช้งานจริงในปัจจุบันมากกว่าเพราะยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนแล้วมีระบบไฟฟ้าเข้ามาเป็นตัวเสริม ประกอบกับราคาของรถไฮบริดในปัจจุบันก็เข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก รถยนต์ไฮบริดจึงได้รับความนิยมมากขึ้นและน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้

เปรียบเทียบ Nissan Kicks e-Power 2020 และ Toyota Corolla Cross 2020 ต่างก็เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นใหม่ที่ผู้คนให้ความสนใจในเวลานี้ พวกมันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด (Corolla Cross มีรุ่นเครื่องยนต์เบนซินด้วย) ฝั่งนิสสันมีจุดแข็งที่เป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ต้องชาร์จไฟแต่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบดังนั้นจึงจัดเป็นรถยนต์ไฮบริดไม่ใช่รถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าล้วน ฝั่งโตโยต้ามีชื่อเสียงในการพัฒนาระบบไฮบริดมายาวนาน ประสบการณ์โชกโชน เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในเมืองไทยก็ว่าได้ รถทั้ง 2 รุ่นอยู่ในเซกเมนต์ B-SUV เหมือนกัน ถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อและคนที่ต้องการรถเอสยูวีระบบไฮบริดต่างก็ให้ความสนใจ รีวิวฉบับนี้จะเป็นการเปรียบเทียบรถรุ่นท็อปของทั้ง 2 แบรนด์ ได้แก่ Nissan Kicks e-Power VL ราคาค่าตัว 1.049 ล้านบาท และ Toyota Corolla Cross Hybrid Premium Safety ราคาค่าตัว 1.199 ล้านบาท ไปดูกันว่าทั้ง 2 รุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

Cr. Toyota Motor Thailand

เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอก

Nissan Kicks e-Power 2020 และ Toyota Corolla Cross 2020 ต่างก็มาในภาพลักษณ์สปอร์ตทันสมัยด้วยกันทั้งคู่จากรูปลักษณ์ดีไซน์ภายนอกที่มีความโฉบเฉี่ยว Kicks e-Power โดดเด่นด้วย Design Language ตามแบบฉบับรถยนต์นิสสันยุคใหม่ กระจังหน้า V-Motion ไฟหน้า LED รูปทรงปราดเปรียวพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ Boomerang Signature Light มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบไฟหน้า Follow-me-home และสวิตช์ปรับระดับสูง-ต่ำของไฟหน้า ดีไซน์หลังคาแบบลอยตัว Floating Roof ลาดลงด้านท้าย กันชนหน้า-หลังแบบสปอร์ต ไฟท้าย LED Signature Light ตลอดจนหลังสีดำเพิ่มความโดดเด่นและความสปอร์ตได้เต็มอารมณ์ ในภาพรวมเป็นการออกแบบที่ถูกใจผู้ใช้รถยุคใหม่เป็นอย่างมาก

Cr. Toyota Motor Thailand and Nissan Motor Thailand

Corolla Cross มาพร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ที่มีความโฉบเฉี่ยวทันสมัยผสมผสานความแข็งแกร่งในสไตล์รถเอสยูวีพันธ์แท้ กระจังหน้ามีขนาดใหญ่ กันชนหน้า-หลังดูแข็งแกร่งดุดัน พร้อมคิ้วล้อสีดำ และแถบกันกระแทกสีดำที่สเกิร์ตข้างรถ เส้นสายตัวถังเป็นเหลี่ยมสันที่ชัดเจน มาพร้อมราวหลังคาสีดำให้ภาพลักษณ์เอสยูวีเต็มตัว ไฟหน้าเป็น LED เลนส์โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED Light Guiding มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟหน้า Follow-me-home ไฟท้าย LED พร้อมไฟหรี่ Light Guiding, ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED

Cr. Toyota Motor Thailand

ในเรื่องรูปลักษณ์ดีไซน์ Kicks e-Power จะดูสปอร์ตกว่า Corolla Cross จะมีความบึก ดุดัน และดูหรูหรากว่า อุปกรณ์ภายนอกของรถทั้ง 2 รุ่นให้มาใกล้เคียงกัน อาทิ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ราวหลังคา กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ไฟตัดหมอก LED เป็นต้น แต่สิ่งที่ Corolla Cross เหนือกว่า Kicks e-Power ก็คือมีหลังคามูนรูฟไฟฟ้า กระจกบังลมหน้าแบบ Acoustic Glass ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่า และประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดแบบ Kick activated หรือแบบเตะเปิด เหล่านี้คือออปชั่นที่เพิ่มความสะดวกและเพิ่มความหรูให้กับรถได้เป็นอย่างดี

มิติตัวถังของ Kicks e-Power ยาว  4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,615 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม. ระยะความสูงจากพื้น 175 มม. น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,350 กก. ในส่วนของ Corolla Cross ยาว 4,460 มม. กว้าง 1,825 มม. สูง 1,620 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม. ระยะความสูงจากพื้น 161 มม. เมื่อดูจากตัวเลขจะเห็นว่าตัวถังของ Kicks สั้นกว่า และมีระยะฐานล้อน้อยกว่าหมายความว่าพื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นรอง Corolla Cross แต่ได้เปรียบตรงที่ตำแหน่งนั่งขับที่ให้ความรู้สึกสูงกว่าจากระยะความสูงจากพื้นที่มากกว่า

Cr. Nissan Motor Thailand

Cr. Toyota Motor Thailand

Corolla Cross ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/50 R18 มาเป็นมาตรฐาน ขณะที่ Kicks e-Power ให้ล้ออัลลอยขนาดเล็กกว่าที่ 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55 R17 ขนาดข้อล้อและยางส่งผลต่อการขับขี่ด้วยเช่นกัน หน้ายางที่กว้างส่งผลถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการยึดเกาะถนนที่ดีกว่า แก้มยางที่หนากว่าย่อมส่งผลถึงความนุ่มนวลกว่าด้วยเช่นกัน

เปรียบเทียบภายในห้องโดยสาร

ห้องโดยสารของรถทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันคนละสไตล์ ห้องโดยสารสีทูโทนดำ-ส้มของ Kicks e-Power ให้ความโดดเด่นจี๊ดจ๊าดแบบวัยรุ่นชอบ แตกต่างไม่เหมือนใคร ขณะที่ Corolla Cross มีห้องโดยสารหลายสีขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอกซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีที่ให้ความรูสึกพรีเมียมหรูหราโดยเฉพาะสีน้ำตาลแดง Terra Rossa รถทั้ง 2 รุ่นมีการตกแต่งภายในด้วยหนังบุนุ่มที่แดชบอร์ดและแผงประตูข้างรวมถึงวัสดุสีดำเงา Piano Black ในหลาย ๆ จุด ภาพรวมของคุณภาพวัสดุ การออกแบบและงานประกอบ อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมทั้งคู่

เบาะนั่งของ Kicks e-Power เป็นวัสดุหนังสังเคราะห์ ฝั่งคนขับปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง เบาะด้านหลังแยกพับแบบ 60/40 พนักพิงศีรษะปรับระดับได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีพนักวางแขนตรงกลางเบาะนั่งคู่หน้า ข้างใต้เป็นกล่องเก็บของ พวงมาลัยเป็นทรงสปอร์ต 3 ก้านแบบฐานตัดหุ้มหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) มีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมหน้าจอมาตรวัดที่ก้านซ้าย ก้านขวาเป็นปุ่มควบคุมระบบครูสคอนโทรลและรับโทรศัพท์ มาตรวัดเป็นแบบเรืองแสง Fine Vision Meter พร้อมจอสีดิจิตอลแสดงข้อมูลขับขี่ขนาด 7 นิ้ว ไฮไลท์เด่นคือเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะแสดงภาพจากกล้อง Intelligent Rear View Monitor ที่ด้านหลังรถ เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของนิสสันที่ช่วยแก้ปัญหาคนนั่งหลังแล้วบังการมองกระจกด้านหลัง

Cr. Nissan Motor Thailand

ออปชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, ระบบกุญแจรีโมท I-Key, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start, กระจกหน้าต่างไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติฝั่งคนขับพร้อมระบบป้องกันการหนีบ, ช่องชาร์จไฟ 12V 1 ตำแหน่ง ช่องวางแก้วน้ำทั้งหมด 6 ช่อง แผ่นปิดห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย มีช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะนั่งคู่หน้า และมีช่องชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ในส่วนของ Corolla Cross มาพร้อมเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ หนา นุ่ม นั่งสบาย ฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับมือ 4 ทิศทาง พวงมาลัยหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) มีปุ่มปรับเครื่องเสียงและปุ่มเปิด-ปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หัวเกียร์หุ้มหนัง ชุดหน้าปัดเรืองแสง Optitron พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่วางแขนเบาะนั่งคู่หน้าปรับเลื่อนได้ มาพร้อมช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกปรักอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start

จุดเด่นของ Corolla Cross คือพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางทั้งตอนหน้าและตอนหลัง แนวหลังคาที่สูงทำให้มีพื้นที่เหนือศีรษะมาก ประตูด้านหลังมีขนาดใหญ่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงจากรถได้อย่างสะดวกสบาย เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา ปรับพับแยกได้แบบ 60/40 เมื่อดึงเบาะตัวกลางลงมาจะเจอที่วางแขนและช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง ห้องเก็บสัมภาระมีความจุมากถึง 487 ลิตร (เมื่อยังไม่พับเบาะแถวสอง)

เมื่อเทียบกันแล้วต้องยอมรับว่าห้องโดยสารของ Corolla Cross เหนือกว่า Kicks e-Power เพราะมีความพรีเมียมหรูหรามากกว่า อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารครบครันกว่า พื้นที่กว้างขวางกว่า ห้องเก็บสัมภาระใหญ่โตกว่า

เปรียบเทียบระบบความบันเทิง

รถทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับระบบความบันเทิงสุดล้ำที่รองรับการเชื่อมต่ออย่างครบครัน ระบบของ Kicks e-Power เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด ขนาด 8 นิ้ว มีฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างวิทยุและเครื่องเล่นเพลงครบครัน รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth มีช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB และรองรับระบบเชื่อมต่อมือถือ Apple CarPlay ไฮไลท์สำคัญคือมีระบบเชื่อมต่อ Nissan CONNECT ที่มาพร้อมความสามารถอันหลากหลายโดยเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญและบริการออนไลน์ที่ครอบคุลม อาทิ ใช้งาน Facebook ค้นหาสถานที่ผ่าน Google Maps การนำทางที่แม่นยำ แจงเตือนสถานะต่าง ๆ ของรถ เล่นเพลงสตรีมมิ่ง เป็นต้น เป็นระบบที่มีฟังกั่นมากมายและใช้งานง่าย ในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพง 6 ตำแหน่ง

Corolla Cross มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว มีฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นฐานที่ครบครันไม่ด้อยไปกว่าระบบของนิสสัน รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth การเชื่อมสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto มีช่องเชื่อมต่อ USB และ AUX ไฮไลท์สำคัญคือระบบเชื่อมต่อ T-Connect ที่มาพร้อมกับความสามารถอันหลากหลาย อาทิ บริการตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์แบบเรียลไทม์ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. แสดงสถานะรถยนต์และข้อมูลการ บริการผู้ช่วยส่วนตัว รวมถึงแจ้งเตือนการเข้ารับบริการ ด้านระบบเสียงเป็นลำโพง 6 ตำแหน่ง

ระบบความบันเทิงในรถทั้ง 2 รุ่นมีฟังก์ชั่นการใช้งานและการเชื่อมต่อไม่หนีกันมาก แต่ Corolla Cross ได้เปรียบด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า และตำแหน่งของหน้าจอที่อยู่สูงทำให้มองง่าย ไม่ต้องละสายตาจากถนนมากเท่าการมองจอของ Kicks e-Power

เปรียบเทียบขุมพลังเครื่องยนต์ 

รถทั้ง 2 รุ่นเป็นระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดเหมือนกัน ต่างกันที่หลักการการทำงาน เทคโนโลยี e-Power ของ Kicks ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้อ เครื่องยนต์สันดาปภายในมีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าไปเก็บที่แบตเตอรี่ กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าคือ 129 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติไฟฟ้า 1 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า จุดเด่นของระบบขับเคลื่อนของ Kicks คืออัตราเร่งที่รวดเร็วว่องไวแบบรถยนต์ไฟฟ้า แรงม้าแรงบิดมาเต็มตั้งแต่กระแทกคันเร่งโดยไม่มีการรอรอบ และไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ เพราะเติมน้ำมันเบนซินเหมือนรถยนต์ปกติทั่วไป

Kicks e-Power มีเทคโนโลยีแป้นคันเร่ง One-Pedal ที่สามารถเร่งและเบรกได้ในแป้นเดียว จังหวะเร่งก็เหยียบปกติแต่พอยกคันเร่งรถจะเริ่มหน่วงซึ่งแรงหน่วงนี้สามารถชะลอความเร็วของรถได้โดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรก ข้อดีคือทำให้ขับขี่ง่ายและสะดวกไม่ต้องยกเท้าสลับแป้นเหยียบบ่อย ๆ แรงหน่วงนี้ยังแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าไปกักเก็บที่แบตเตอรี่ด้วย ถ้าหากไม่ต้องการใช้ก็สามารถปิดระบบนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกใช้ 3 โหมด ได้แก่ ECO MODE เน้นประหยัดพลังงาน, S MODE เพิ่มสมรรถนะสูงสุด และ EV MODE ใช้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่โดยที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน สร้างประสบการณ์ขับขี่เงียบสนิทแบบรถยนต์ไฟฟ้า 100% ฟังก์ชั่นเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold ก็ยังมาให้ด้วย

Cr. Nissan Motor Thailand

ระบบไฮบริดของ Corolla Cross เป็นการทำงานผสานกันระหว่างเครื่องเบนซิน 4 สูบ แบบ Atkinson Cycle พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ขนาดความจุ 1.8 ลิตร ให้กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร รวมกำลังทั้งระบบสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า

Corolla Cross มีโหมดขับขี่ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย EV Mode ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน, Sport Mode ตอบสนองการขับขี่อย่างเต็มประสิทธิภาพ และ ECO Mode เน้นการขับขี่แบบประหยัดพลังงาน ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 98 กรัม/กม.

Cr. Toyota Motor Thailand

ในแง่การขับขี่แน่นอนว่าเมื่อเป็นพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงก็ย่อมตอบสนองได้ว่องไวกว่าพลังจากเครื่องยนต์ที่มีระบบไฟฟ้าช่วยสนับสนุน สรุปคือ Kicks e-Power เร่งได้เร็วกว่า ระบบเกียร์ไฟฟ้าของทั้งคู่ทำให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นนุ่มนวลทุกจังหวะการขับขี่ ทุกจังหวะชะลอความเร็วหรือเบรกจะเป็นการเก็บคืนพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ แต่ Kicks จะสะดวกสบายกว่าเพราะมี One-Pedal เร่งและชะลอความเร็วได้ภายในแป้นเดียวไม่ต้องยกเท้าสลับไป-มา  ข้อดีที่รถทั้ง 2 คันมีเหมือกนกันคือความประหยัดน้ำมันและการปล่อยมลพิษที่ต่ำ เป็นทางเลือกของคนรักษ์โลกอย่างแท้จริง

ระบบช่วงล่างและบังคับเลี้ยวของรถทั้ง 2 รุ่นใช้รูปแบบเดียวดันคือกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง กันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มนวล เกาะถนน เสถียรภาพความมั่นคงในระดับสูง ขับขี่มั่นใจทั้งทางตรงความเร็วสูงและเข้าโค้ง ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS เหมือนกันทั้งคู่ ให้การตอบสนองที่เฉียบคมแม่นยำ น้ำหนักเบาที่ความเร็วต่ำ หน่วงมากขึ้นเมื่อให้ความเร็วสูง ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อเหมือนกัน ให้ความมั่นใจในการหยุดยั้งความเร็วได้ดี การตอบสนองจะไม่เป็นธรรมชาติเหมือนรถยนต์ระบบเครื่องยนต์ปกติเพราะต้องแปลงพลังงานเป็นกระแสไฟฟ้าทำให้บางทีอาจมีวูบวาบบ้างเล็กน้อย

เปรียบเทียบระบบความปลอดภัย

หัวข้อนี้คือสิ่งสำคัญสำหรับไม่น้อยไปกว่าเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน รถทั้ง 2 รุ่นต่างก็ยัดเทคโนโลยีความปลอดภัยมาแบบไม่มีกั๊ก Kicks e-Power นำเสนอเทคโนโลยีความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility ประกอบด้วยอุปกรณ์สำคัญ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย, ระบบเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุรอบและบุคคลจากกล้องรอบคัน และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานอย่างครบครัน อาทิ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก  ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง, กล้องรอบคัน 360 องศา, เซ็นเซอร์กะระยะจอดด้านหลัง, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด, โครงสร้างตัวถังนิรภัย Zone Body Concept, กุญแจ Immobilizer ตลอดจนสัญญาณกันขโมย เป็นต้น

Cr. Nissan Motor Thailand

ฝั่ง Corolla Cross ก็ไม่ยอมน้อยหน้า จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist), ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติพร้อมช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอีกหลายรายการ อาทิ กล้องมองภาพรอบทิศทางพร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic View Monitor), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบป้องกันการออกตัวแบบฉุกเฉิน Drive Start Control, ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS และถุงลมนิรภัยมากถึง 7 ตำแหน่ง

Cr. Toyota Motor Thailand

เรียกได้ว่าหัวข้อนี้กินกันไม่ลงจริงๆ มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ Kicks e-Power ยังไม่มีระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ รวมถึงถุงลมนิรภัยที่น้อยกว่า Corolla Cross 1 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม รถทั้ง 2 รุ่นได้สร้างมาตรฐานด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยของรถยนต์ในเซกเมนต์ B-SUV เอาไว้สูงมาก นับเป็นเรื่องดีของผู้บริโภคที่จะได้ใช้รถคุณภาพดีและมีออปชั่นแน่น ๆ แบบนี้

สรุป 

เมื่อเปรียบเทียบ Nissan Kicks e-Power 2020 และ Toyota Corolla Cross 2020 ต่างก็เป็นครอสโอเวอร์เอสยูวีที่ดีเยี่ยมทั่งคู่ พลัดกันมีจุดเด่นที่แตกต่างกันในแต่ละด้าน เริ่มจากรูปลักษณ์ที่ Kicks มาในแนวทางสปอร์ต ส่วน Corolla Cross มาในแนวทางพรีเมียมและบึกบึนสไตล์เอสยูวี ห้องโดยสารต้องยอมรับว่า Corolla Cross กว้างขวางกว่า สะดวกสบายกว่า อุปกรณ์ครบครันกว่า ด้านสมรรถนะเป็น Kicks e-Power ที่เหนือกว่า เร่งได้เร็วกว่า การขับขี่ดีงามทั้งคู่ ระบบความปลอดภัยให้มาเต็มคัน ราคาค่าตัวก็ใกล้เคียงกัน โดยรวมแล้วรถทั้ง 2 รุ่นน่าใช้มาก ๆ ถ้ากำลังมองหารถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ล้ำสมัย แนะนำว่าควรต้องไปลองขับให้ครบทั้ง 2 รุ่นก่อนตัดสินใจซื้อ

Cr. Nissan Motor Thailand